24 มิถุนายน 2555

หนักหนาสาหัส


คุณหมอให้เราเริ่มกินยาตัวใหม่ เมื่อตอนพบกันครั้งที่6 (ปลายเดือนเมษา)
จาก 1 เม็ด เพิ่มขนาดมาเรื่อยจนเป็น 4 เม็ด และลดยาตัวเดิมที่กินตั้งแต่แรกลง
ซึ่งผลข้างเคียงจากยา ค่อนข้างหลอนเลยสำหรับเรา

ก่อนจะเล่าผลข้างเคียงของยาตัวนี้
ขอเล่าเรื่องที่เราไปตามล่าหายาตัวนี้ก่อน

ตามหลักแล้ว คุณหมอจะจ่ายยาให้พอดีๆกับวันนัด
ซึ่งคงพอจะเข้าใจได้นะคะ ว่าป้องกันการเอายาไปใช้ในทางที่ผิด

บ่ายวันพฤหัสที่ 14 มิถุนา เราได้รับจดหมายจากโรงพยาบาล
เลื่อนนัดตรวจจากเดิม ศุกร์ที่ 22 มาเป็นวันศุกร์ที่ 15 ซึ่งก็คือวันรุ่งขึ้น
อะจ๊าก!!
ด้วยเหตุผลที่ว่า วันนัดเดิม คุณหมอติดอบรม
ไม่ว่าจะทำยังไง เราก็ไปวันรุ่งขึ้นไม่ได้ เพราะติดเรื่องงาน
แต่เดือนนี้คุณหมอลงตรวจ 2 วัน ต่อสัปดาห์ ยังมีวันจันทร์อีกวัน
ก็เลยโทรเข้าไปที่จิตเวช ขอเลื่อนเป็นวันจันทร์ที่ 18 ละกัน
ซึ่งก็มีเหตุให้ไปไม่ได้อีก ก็เลยหยิบยามาเช็คดูว่าจะพอรึปล่าว
ยาอีก 2 ตัวยังพอ แต่ยาตัวใหม่เนี่ยะ ไม่พอ งานเข้า!
มีทางเดียว คือ เราต้องไปรพ.วันใดวันหนึ่ง
เพื่อพบกับคุณหมอท่านอื่นให้จ่ายยาให้ แล้วนัดใหม่อีกครั้ง

แต่ช่วงนี้ เราค่อนข้างยุ่งเรื่องงานจริงๆ
จะไปรามาแบบไม่ได้นัด ต้องใช้เวลาเกินครึ่งค่อนวัน ก็ลำบากอยู่
ตอนนั้นก็แว๊บคิดขึ้นมาว่า ร้านขายยาใหญ่ๆจะมีรึเปล่า
เอ๊ะ แล้วเค้าจะขายเรามั๊ย  - -'
ถ้าเราเอาหลักฐานไปให้ดูล่ะ  - -"
นี่เมืองไทยนะ ยาไม่น่าจะหายาก  -"-
ก่อนจะไปกันใหญ่ ก็เลยถาม คุณ @wilasineek (เภสัชกร) ว่าจะหายาได้ที่ไหน
คุณ @wilasineek บอกว่ายานี้ไม่มีขายตามร้านขายยา ให้ลองไปคลินิคดู

สุดท้าย เราก็เลยไปคลินิคนอกเวลาราชการที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
มันยุ่งยากตรงก่อนที่จะพบคุณหมอ เพราะผ่านเจ้าหน้าที่เยอะมาก
ไม่รู้จะบอกว่าเป็นอะไร เลยใช้มุขปวดหัวเหมือนเดิม -"-
แต่พอเจอคุณหมอแล้ว เรายื่นบัญชีจ่ายยาที่เคยได้+ซองยาให้ดู
แล้วบอกว่าเป็นอะไร รักษาอยู่ที่รามา คุณหมอพูดทันที " ขาดยา? "
" โอว โล่งอก " แอบคิดในใจนะคะ
ตอนที่เราบอกว่า กินวันละ 4 เม็ด คุณหมอร้อง " หือ " แล้วหยิบซองยามาดูอีกครั้ง
สรุปเราก็ได้ยามากินให้ครบตามที่ควรจะเป็นก่อนจะหาเวลาไปพบคุณหมอ

คราวนี้ก็มาถึงผลข้างเคียงของยาแล้วล่ะ
ยาตัวแรกว่าเจอเยอะแล้ว ตัวนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ค่ะ
ยาตัวนี้ คุณหมอให้เรากิน 2 เดือนแล้ว
โดยเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ จากเม็ดเดียว จนถึง 4 เม็ด

อาการเริ่มตั้งแต่กินแค่เม็ดเดียวเลย คือ จะวูบ หน้ามืด เวียนหัว
ไอวูบเนี่ยะ น่ากลัวมาก เวลาลุกขึ้นจากการยืนหรือนั่ง ภาพหายไปหลายวินาที
แล้วจะชาลงไปถึงปลายเท้าเลย ต้องหาอะไรยึดไว้
ตอนเจอแรกๆ ใจเสียมาก พอซักพักก็ชิน
คือ รู้ตัวแล้วว่ามันจะราวๆกี่วิ ก็ปล่อยไป หาอะไรจับไว้ หรือยืนพิงอะไรซักอย่าง

พอคุณหมอสั่งเพิ่มเป็น 2 เม็ด เริ่มมีอาการใหม่ คือ กินอาหารเยอะมาก
ตอนนั้นยังไม่ทันคิดว่าตัวเองกินมากขึ้นอย่างผิดปกติ
มองย้อนกลับไปถึงจะรู้..
อย่างอยากไปซิสเลอร์มากๆ ไปแล้วกินชนิดที่แฟนต้องหยิบหนังสือมานั่งอ่านรอ
กินอิ่มมาก แต่มันยังอยากกินอีกๆๆๆๆๆ
แล้วก็เริ่มมีอาการบ่นอยากกินขนม ซึ่งปกติแล้ว น้อยครั้งมากที่จะบ่น
มีบางวันถึงขนาดที่บอกแฟนว่า จอดรถตรงตลาดหน่อยจะไปหาขนมกิน
แล้วก็หนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อกินเพิ่มเป็น 3 เม็ด

พอคุณหมอให้เพิ่มเป็น 4 เม็ด
คราวนี้กินแบบผิดปกติไปเลย แต่ยังไม่ทันได้สังเกตตัวเอง
คิดว่าเป็นPMS ก็ไปเปิดปฏิทินดู ก็ไม่ใช่ งงตัวเอง แต่ก็ไม่ทันคิดอีก
จนกิน 4 เม็ดเข้าสัปดาห์ที่ 2 เริ่มหนักมาก คือ กินตลอด เรียกว่าถ้าไม่หลับก็กิน
ยีนส์ตัวที่เคยหลวม กลายเป็นคับมาก พอไปชั่งน้ำหนัก ปรากฎว่าขึ้น 2 กิโล
กินขนมทุกวัน ทั้งที่ไม่ใช่นิสัย แล้วกินในปริมาณที่เยอะมากผิดปกติ
กินข้าวเสร็จก็อยู่ไม่เป็นสุข เดินหาขนมกินอีก

อาการหน้ามืดบ่อยๆก็ยังเป็นอยู่
จนเริ่มสังเกตว่ามันเริ่มหงุดหงิดง่าย เริ่มเหวี่ยงๆ
เริ่มรู้สึกว่ากินจนหยุดไม่ได้ กินจนแน่นท้องแล้ว ก็หยุดไม่ได้
เอะใจ ถามคุณ @wilasineek (เภสัชกร) จึงได้รู้ว่ายานี้ทำให้เจริญอาหารด้วย
แต่ของเรามันไม่ใช่เจริญอาหารแล้วล่ะ มันเหมือนกินแบบผิดปกติเลย

แล้วก็เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ คอแห้งผาก ปากแห้ง ตาพร่า เวียนหัว
ยังมีอาการวูบ และกินมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่พอ..ที่หลอนมากๆ คือ
มักจะมองเห็นสิ่งของเคลื่อนที่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่มืดๆ
เริ่มมองไม่ชัด มองเห็นข้าวของเป็นสิ่งที่น่ากลัว ขยับได้
มีครั้งนึง เข้าห้องน้ำแล้วไม่ได้เปิดไฟ เพราะอาศัยไฟทางก็มองเห็นแล้ว
มองไปที่ตรงบานพับของประตู มองเห็นมันขยับได้ ขยับไปขยับมา
เหมือนหนอนตัวใหญ่ๆ ที่ค่อยๆคลานขึ้นๆลงๆ ตกใจมาก
เพ่งมองไป ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังคงขยับอยู่
เลยตัดสินใจ เปิดไฟ แล้วจ้องอีกครั้ง ก็พบว่าแค่บานพับประตูเท่านั้น
เวลานอน แล้วตื่นขึ้นกลางดึก มักจะเห็นเงาอะไรแปลกๆ
เห็นเป็นคนยืนอยู่บ้าง หรือใครมานั่งจ้องบ้าง ตื่นมาก็กลัวนะ
แต่คิดในใจตัวเองว่าตาฝาดเท่านั้น แล้วก็นอนต่อ
บางคืนเห็นเงาข้าวของเป็นคนยืนถือหัวก็มี ก็ผีหัวขาดนั่นแหละ
จริงๆเป็นคนกลัวผีมาก แต่ในตอนนั้นก็ปลอบใจตัวเองว่าตาฝาดๆ
แล้วก็หลับต่อ บอกตัวเองแบบนี้จนชิน ไม่ว่าจะตื่นมาเจออะไรที่น่ากลัว
ก็จะเตือนตัวเองว่าเราตาฝาด มองผิดไป

แต่เราก็ยังคงกินยา 4 เม็ด ทุกวัน ทั้งที่ไม่อยากกินเลย
แถมยังไปหายามากินตามที่เล่า เพื่อรอวันที่จะไปพบคุณหมอ

พรุ่งนี้ (จันทร์ที่ 25 มิถุนา) คุณหมอลงตรวจ
เราคงต้องไปเล่าทั้งหมดนี้ให้คุณหมอฟังแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหมอจะให้ทำยังไง
เอาไว้กลับจากโรงพยาบาลแล้ว จะรีบมาเล่าละกันนะคะ



+ + + + + + + + +

อ่านต่อ  --->   คุณหมอของเรา [9th]