14 มิถุนายน 2555

ยอมรับความจริง


ขอเอาชื่อทีมน้องๆ ใน Thailand's Got Talent (Season 2)
มาเป็นหัวข้อในblogหน่อย เพราะมันตรงกับความเป็นไปในตอนนี้เลย

โพสต์ที่แล้ว เราบอกคุณหมอไปแล้วว่า
เราไม่ได้คิดอีกแล้ว ..
ว่ามันจะต้องใช้ระยะเวลานานขนาดไหนในการรักษา
เราคงต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคนี้ไปนั่นแหละ

เราอาจจะไม่ได้เจอผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามามากมายเท่าคุณหมอ
แต่ในระยะเวลาตั้งแต่ปลายเดือนมกรา มาถึงตอนนี้ กลางเดือนมิถุนา
เราได้รู้จักคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มากมาย
ทั้งจากข้อมูลคนป่วยที่เราได้ค้นหามาอ่าน
ทั้งจากคนที่มาอ่านblogนี้ แล้วไปfollowกันในtwitter
หรือแม้แต่จากคนในtwitterเอง ที่มาเจอกันเพราะชื่อหรือbio

ข้อมูลที่ได้ คนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าใช้เวลาในการรักษานานมากทั้งนั้นเลย
คนที่หายเร็ว..
อาจจะเป็นแค่ภาวะซึมเศร้าชั่วคราวจากเหตุการณ์ต่างๆในชีวิต(รึปล่าว)

หรือเป็นแค่คนที่คุณหมอให้ใช้ยารักษาโรคซึมเศร้า เพื่อรักษาโรคอื่น
เราพบเจอแต่คนที่กินยามาหลายปีทั้งนั้น
เจอ 4 ปี 5 ปี หรือ มากกว่านั้น 7 ปี ก็เคย
ยังไม่นับที่จาก MDD ไปเป็น Bipolar Disorder ก็มี

คนทั่วไป อาจจะคิดว่า คนป่วยเป็นโรคนี้
จะต้องหดหู่ เศร้าซึม เสียใจ สะเทือนอารมณ์ ตามชื่อโรคเท่านั้น

แต่หลายคนไม่รู้เลยว่า ..
คนป่วยโรคนี้หลายๆคนสูญเสียความสามารถในการทำงาน(หรือการเรียน)ไปด้วย
เราจากคนที่อ่านหนังสือได้เยอะๆ เขียนคล่อง จะพูดจากับใครก็มั่นใจ
จะหยิบจับทำงานอะไร ก็คล่องไปหมด ..ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ความจำก็ถดถอยลง จะเขียนอะไรก็รู้สึกติดขัดไปหมด

คนทั่วไปคงไม่รู้ว่า คนป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
ต้องทนทรมานกับอาการแบบนี้
คนทำงานก็ลำบากมาก
หลายคนไม่สามารถสื่อสารกับผู้ร่วมงานได้
หลายคนไม่สามารถจะทำงานที่ใช้ความละเอียดรอบคอบได้
คนที่กำลังเรียนอยู่
หลายคนอ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้
เขียนงานไม่ได้ ฟังบรรยายไม่ทัน หรือจดไม่ทัน สรุปไม่ได้ ฯลฯ

เรารักษาตัว เพราะคาดหวังว่าตัวเราจะกลับมา
แต่เมื่อถึงวันนี้ เราไม่หวังให้ตัวเองกลับมาแล้ว
เราคนเดิม อาจจะตายจากไปแล้วก็ได้
รอมาหลายเดือน
รอจนเริ่มรู้ว่า..ตัวเราคนเดิม อาจจะไม่กลับมาแล้ว

ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง อยากจะบอกเลยว่า
อยู่ๆก็เหมือนคนประสบอุบัติเหตุ แล้วเกิดตาบอด
ช่วงแรกๆ ก็รับไม่ไหว และคาดหวังว่าตาอาจกลับมามองเห็น
จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่
อาจจะตื่นขึ้นมาวันหนึ่ง แล้วมองเห็นเลย
หรืออาจจะผ่าตัด แล้วมองเห็น ฯลฯ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตาก็ยังคงมองไม่เห็น
ต้องใช้ชีวิต ต้องหัดเดิน หัดเข้าห้องน้ำ หัดกินข้าว หัดโทรศัพท์ใหม่  ฯลฯ
แน่นอนที่สุด คนที่ไม่ได้ตาบอดมาแต่กำเนิด
ต้องมาทำสิ่งเดิมที่เคยทำมาตลอด
แต่สิ่งเดิมๆ กลับยากมาก
ทำไม่ได้ ไม่คล่อง หรือ ไม่ดีเหมือนเดิม
ลองคิดดูว่า ว่าจะรู้สึกยังไง
เครียด ขัดใจที่ตัวเองทำไม่ได้เหมือนเดิม ความรู้สึกมากมาย

วันนี้เรายอมรับความจริงแล้ว
ว่าเราเป็นโรคนี้ และเราอาจจะกลับไปเป็นคนเดิมไม่ได้
เราต้องยอมรับ
เหมือนที่คนพิการยอมรับว่าไม่อาจเหมือนเดิมอีก
แล้วต้องพยายามใช้ชีวิตต่อไปให้ได้

เราขอเอาไปต่อในpostถัดไป
ว่าเรายอมรับได้แล้ว แล้วยังไงต่อไป ??


+ + + + + + + + +

อ่านต่อ  --->  อยู่กับโรค ..ให้ได้ (ตอนที่1)