20 พฤษภาคม 2555

คุณหมอของเรา [7th]


บ่ายโมงจะครึ่งแล้ว ก็ยังไม่ได้พบคุณหมอ
คนไข้นัดเช้าก็หมดแล้ว ท้องเริ่มร้องคร่อกๆ
ได้เห็นภาพแผนกจิตเวช ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
คือ ไม่มีคนเลย


เรารอ..คิดว่าทรมานแล้ว
แต่คุณหมอสิ เราเห็นตรวจมาตั้งแต่เก้าโมงครึ่งยังไม่หยุดเลย
คิดแบบนี้ ก็ลดความเบื่อในการรอลงไปได้บ้าง

จริงๆเราคิดว่า คุณหมอสามารถมองแป๊บเดียว
ว่าเหลือคนไข้กี่คน แล้วบริหารเวลา เร่งให้เสร็จเร็วก็ได้นะ
แต่คุณหมอไม่ทำ อันนี้ทำให้เราประทับใจคุณหมอของเรามาก
คุณหมอคงดูเป็นเคสๆไปมากกว่าว่าควรใช้เวลาขนาดไหน

บ่ายครึ่งแล้ว เราก็หิว คุณหมอก็คงหิวเหมือนกัน
ถ้าซื้อข้าวเข้าไปนั่งคุยกันไปกินข้าวกันไปได้ ก็น่าจะดีนะ - -"

ถึงคิวเราปุ๊บ เราก็นั่งลงแบบเหนื่อยๆ
แล้วพึมพำว่า คุณหมอไม่หิวข้าวเหรอคะ
คุณหมอก็ก้มหน้าก้มตาอ่านแฟ้ม พลางบอกว่า
"ตรวจให้เสร็จก่อนครับค่อยไปกิน"

คุณหมอก็สอบถามอาการทั่วไปหลังจากเพิ่มยา
เราก็เล่าไปงั้นๆ เหนื่อยๆเพลียๆ บอกไม่ถูก
ท้อแท้ และไม่รู้ว่าอีกนานมั๊ยที่มันจะสิ้นสุดเรื่องราวพวกนี้
คุณหมอปรับยาให้
อธิบายว่ายาโรคซึมเศร้าเนี่ยะ มันมีหลายกลุ่ม
ตัวที่เรากินมาร่วม 3 เดือนน่ะ มันคงไม่ค่อยโอเคกับเรา
คุณหมอปรับลดตัวนี้ลง แล้วให้เพิ่มตัวใหม่ขึ้นมา
จากเดิมที่ให้กิน 1 เม็ด ก็เพิ่มเป็น 2 กินไป 7 วัน ให้เพิ่มเป็น 3 เม็ด
เรางงๆ ก็ขอให้อธิบายอีกรอบเพื่อความแน่ใจ
เรื่องกินยามันเรื่องสำคัญ ก็ถามซะให้เข้าใจไปเลย

ครั้งนี้เป็นการพบเจอคุณหมอครั้งที่ 7 แล้ว
เจอกันบ่อยยิ่งกว่าเพื่อนสนิทอีก เราก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
คุณหมอก็สอบถามสารทุกข์สุกดิบไปเรื่อยๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้
เราก็จำไม่ได้ว่าอยู่ๆมาถึงประโยคนี้ได้ยังไง

คุณหมอบอกว่า เรากำลังโกรธ!
อยู่ๆน้ำตารื้นขึ้นมา จนถึงขั้นกลั้นไม่อยู่
ไม่ได้คิดว่า จะมาร้องไห้ต่อหน้าคุณหมอเลย
ไม่ได้คิดจะคุยเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
ครั้งนี้เราร้องไห้หนักมาก ถึงขั้นร้องไห้จนน้ำมูกไหลเลย
เสียจริตจริงๆ - -"

เราเปิดกระเป๋าคว้าผ้าเช็ดหน้า เช็ดน้ำตาน้ำมูกปนกันหมด
คราวนี้มีผ้าเช็ดหน้าเป็นของตัวเองละ
ไม่ได้จงใจเตรียมมา แต่เปลี่ยนกระเป๋า แล้วผ้ามันอยู่ในนั้น
ยังไม่ได้ใช้ ก็เลยไม่เอาออก

เราก็คงกำลังโกรธจริงๆนั่นแหละ
ทั้งที่ดูภายนอก คงไม่มีใครรู้ แม้แต่ตัวเราก็จำกัดความไม่ได้
เราก็พูดไปหลายเรื่องให้คุณหมอฟัง
รวมทั้งปล่อยโฮไปกับความรู้สึกที่ว่า
ไอโรคนี้เนี่ยะ มันจะหายมั๊ย
จริงๆแล้ว เราเป็นคนทำให้มันเกิด หรือ มันเกิดเอง หรืออะไรยังไง
คุณหมอยังคงยืนยันคำพูดเดิมว่า หาย

คุณหมอนัดถี่ขึ้นกว่าทุกครั้งที่มา
เพราะครั้งนี้ นัดอีก 2 สัปดาห์เลย
เราคิดว่า ถ้าไม่เพราะดูผลของยาที่ปรับใหม่
ก็คงเพราะ เราดูแย่ลงกว่าเดิมล่ะมั้ง

แถมคุณหมอยังบอกว่า "พฤหัสหน้าหมอไม่อยู่ มีประชุม"
ถ้ามีอะไร แล้วต้องการมาก่อน ก็มาพบคุณหมอท่านอื่นได้
เราพูดสวนทันทีว่า "คงไม่มาหรอกค่ะ"
เพราะ เรารู้ว่าถึงขั้นนี้ เราอดทนได้
เรื่องผลข้างเคียงของยา เราผ่านมาหมดแล้ว มันชินซะแล้ว

เรานึกขึ้นมาได้ว่ายาตัวใหม่ที่เรากินมันทำให้หน้ามืดอยู่พักนึง
คือ เวลาลุกนั่งยืนเดิน มันจะเหมือนสติดับวูบไป 3-4 วินาที
หน้ามืด ชาไปถึงปลายเท้า เวลาเปลี่ยนอิริยาบทก็เลยต้องระวัง
คุณหมอบอกว่า มันเป็นผลข้างเคียงของยาตัวนี้จริงๆ
แต่เราก็ยืนยันว่า เราชินแล้วแหละ ไม่กี่วันมันก็ดีขึ้น
ถึงตอนนี้ จะต้องเพิ่มยาเป็นสามเท่าตัว ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร

หลังเรา คุณหมอก็ยังมีคนไข้อีกคนนึง
เฮ้ออออ น่าสงสารคุณหมอจริงๆ
ตอนนั้นบ่ายสองกว่าๆไปเท่าไหร่เราก็จำไม่ได้
เรายังไม่ได้กินข้าว ..แค่ใช้พลังงานไปกับการนั่งรอเฉยๆ ก็หิวจะแย่
คุณหมอก็ยังไม่ได้กินข้าว ..แต่ตรวจมาตลอดตั้งแต่เช้า
คงเลยคำว่าหิวไปหลายเท่าตัวแล้วล่ะ



+ + + + + + + + +

อ่านต่อ  --->   (น่าจะ)ยังเหลือ