29 เมษายน 2555

คุณหมอของเรา [6th]


พฤหัส ที่ 26 เมษายน  2555

เจอคุณหมอแบบเพลียๆ เพราะรถติดมากจริงๆ
แต่ก็ไปถึงก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมงนะ
คนเยอะมากเหมือนเดิม เริ่มท้อหน่อยๆ

คุณหมอถามว่าเป็นยังไงบ้าง
เราก็ตอบว่า เรื่อยๆ
คือ มันเรื่อยๆจริงๆ สำหรับ 20 วันที่ผ่านมา
ตั้งแต่นัดครั้งที่แล้ว ชีวิตมันราบเรียบมาก

เราก็บอกไปว่า มันจะประมาณนี้ (ทำมือไปด้วย)
คือ ถ้าไม่มีอะไรมา มันก็เรียบๆเฉยๆนิ่งๆ
แต่ถ้ามีอะไรเข้ามา ตกวูบ ก็ขึ้นเร็ว 

ไม่เหมือนแต่ก่อน ช่วงกินยาแรกๆ มันจะเป็นแบบนี้เลย
อย่างที่เคยบอกคุณหมอไปแล้ว
ตอนนั้น พอตกวูบ แล้วมันจะขึ้นยากมาก กว่าจะไต่ๆขึ้นมา
ใช้เวลานาน

แต่มันไม่มีแบบกราฟพุ่งขึ้นผิดหูผิดตาอะไร
ถ้าไม่มีเรื่องอะไรเข้ามา ก็เฉยๆ 

แล้วคุณหมอก็มีคำถามนึงถามเราว่า
ชอบแบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง นิ่งๆเฉยๆ กับ ตกวูบลงไป

คำถามนี้ อาจจะดูแปลกนะ สำหรับคนทั่วไป 
ใครก็ต้องคิดว่า จะบ้าเหรอใครก็ต้องชอบนิ่งๆสิ
ไม่ใช่ตกวูบลงเหวไปแบบนั้น 

คำถามนี้ของคุณหมอมันทำให้เราได้คิดแว๊บนึงก่อนตอบ
แล้วทำให้มีโอกาสได้บอกอะไรอีกหลายอย่าง
เราตอบว่าไม่ชอบทั้งคู่
คุณหมอมองหน้า แล้วถามว่า ทำไม 
เราบอกว่า มันไม่ใช่ตัวเราทั้งคู่ เราต้องการตัวเราคืนมา  

มันคือแค่นี้จริงๆนะ 
ความต้องการของเรา ณ เวลานี้ คือ 
ขอชีวิตเดิมๆคืนมา ขอความเป็นตัวของตัวเองคืนมา
แบบนี้มันไม่ใช่ตัวเรา 

เราก็พูดต่อว่า 
เดิมก็ไม่ใช่คนขยันอะไรมากมายนัก 
แต่ตอนนี้ จะทำอะไร มันเหนื่อย มันต้องใช้แรงเยอะ 
มันต้องรวบรวมพลังชีวิตมาก กว่าจะทำอะไรแต่ละอย่างได้
ไม่ใช่ขี้เกียจนะ มันอยากทำ แต่มันทำยากมาก
เราก็อธิบายไม่ค่อยถูก แต่ดูเหมือนคุณหมอจะเข้าใจ 

คุณหมอบอกเราว่า จะให้กินยาเพิ่มอีกตัวนึง
เป็นยารักษาซึมเศร้าเนี่ยะแหละ แต่ทำงานคนละแบบกัน 
เราแอบถอนหายใจเฮือกนึง เบาๆ 
เหนื่อยกับการกินยาเหลือเกิน แต่ทำอะไรไม่ได้ 

ไม่ใช่เราไม่รู้ ตลอด20วัน มันนิ่งเกินไป 
มันไม่แย่ลง แต่มันไม่ดีขึ้น 
ยังแอบคิดเลยว่าคุณหมอจะให้เพิ่มปริมาณยาตัวเดิมรึเปล่า
จากตอนแรกที่กินเม็ดเดียว มาเป็น2เม็ด ต้องเพิ่มเป็น3มั๊ย -"- 
พอมาได้ยินว่าให้กินยาเพิ่มอีก ก็ไม่ถึงกับผิดคาดมากนัก 
แค่เป็นยาตัวใหม่เท่านั้นเอง 

เราไม่ลืมที่จะให้ข้อมูลว่า
ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะช่วงนี้เราพักเยอะรึเปล่า
เพราะทุกคนอยากให้เราพักผ่อน 
มีคนมาดูแลร้านแทนเราชั่วคราว
แต่เราก็ไม่รู้สึกว่าอยากจะทำอะไร ทั้งที่ว่างทำได้แล้ว
เมื่อก่อนไปไม่ได้ เพราะติดที่ร้าน ยังอยากไปไหนมาไหน
แต่นี่ กลับไม่อยากจะไปไหนเลย
อันนี้ เราไม่แน่ใจว่า มันทำให้20วันที่ผ่านมาของเรา นิ่งเกินไปรึเปล่า 
เราคิดว่า การแจ้งข้อมูลกับคุณหมอให้ครบถ้วน 
สำคัญมากทีเดียว เพราะคุณหมอจะได้วินิจฉัยถูก 
แล้วคุณหมอก็ขอนัดอีก 3 สัปดาห์ จะได้มาดูผลกันอีกครั้ง
ว่ายาที่ให้กินเพิ่ม ให้ผลเป็นยังไง 

แต่เราก็ลืมบอกคุณหมอไปนะ ว่า20วันถัดไปจากนี้
เงื่อนไขมันเปลี่ยนไปจากเดิม 
เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เราจะรู้สึกดีขึ้นจากยารึเปล่า
มีคนดูแลงานให้ชั่วคราวแล้ว เราเลยจะไปเที่ยวต่างจังหวัดราวสัปดาห์นึง 

เราไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดนานมากเลย
ไม่นับว่า ตั้งแต่ไปหาหมอเนี่ยะ ไม่เคยไปไหนไกลๆเลย
แล้วยังเหตุการณ์ปีที่ผ่านมา 
มันทำให้เรายกเลิกทริปที่วางไว้หลายครั้ง
ทั้งที่จองทุกอย่างไว้หมดแล้ว ไม่ว่าเครื่องบิน ที่พัก รถเช่า 
เนื่องจากว่า ปีที่แล้ว แม่ของแฟนเราเป็นมะเร็งอาการไม่สู้ดี
พอใกล้ๆจะไป แกทรุดลง เราก็ต้องยกเลิกทริป 
เพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนเราไปเที่ยว 
ปีที่แล้ว เราทิ้งไป8ไฟล์ท ทั้งที่จองไว้จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว 

พอปลายปี ก็มีสถานการณ์น้ำท่วมที่ทำให้เครียดเกิดขึ้นอีก 
ต้องคอยตามข่าวตลอด ไหนจะร้าน ไหนจะบ้าน
(โชคดี น้ำไม่ท่วมร้าน แต่บ้านอยู่ไม่ได้ ทางเข้าท่วมหมด)
อพยพไปอยู่ชลบุรี ก็ได้ไปเที่ยวในชลบุรีบ้าง
แต่มันไม่ใช่การพักผ่อนหรือท่องเที่ยว มันเครียดนะ

ยาตัวใหม่ที่ได้มา คุณหมอบอกว่า 
มันจะทำให้เรามีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรมากกว่านี้ 
แต่เราก็ไม่มั่นใจนะ ว่าเราจะวัดผลมันได้รึเปล่า
เพราะสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไป 
เดี๋ยวเราจะไปเที่ยวตั้ง6-7วันแหน่ะ 
ถ้าดีขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะยา หรือ สิ่งแวดล้อมกันแน่ 

up blog ครั้งต่อไป
จะมาเล่าเรื่องระหว่างไปเที่ยวละกันนะคะ 
แต่เพื่อไม่ให้ผิดคอนเซ็บ
เราคงเล่าในแง่มุมที่เป็นความรู้สึกนึกคิด ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า 
ถ้าเราได้ไปเที่ยวไกลๆ ออกจากสิ่งแวดล้อมเดิมๆบ้าง
เราจะรู้สึกนึกคิดยังไง อารมณ์จะเป็นยังไง 

มาเพิ่มเติม^^ ยกเลิกทริปยาว6-7วันแล้วค่ะ 
เพราะอาการหลังกินยา ไม่ค่อยสู้ดีนัก หน้ามืดหลายครั้ง
เลยไปใกล้ๆ 2-3 วันก็พอ ^_^

+ + + + + + + + +

อ่านต่อ  --->  เรี่ยวแรง